สภาพทางสังคม
การศึกษา
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน 4 แห่ง
โรงเรียนประถมศึกษา จำนวน 4 แห่ง
โรงเรียนมัธยมศึกษา จำนวน 1 แห่ง
สาธารณสุข
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลป่าเว จำนวน 1 แห่ง
คลินิกพยาบาล จำนวน 3 แห่ง
ยาเสพติด
พื้นที่ตำบลป่าเว ผู้ติดยาเสพติดและได้รับการบำบัดตามโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กิจกรรมสำหรับส่งเสริม บำบัดฟื้นฟูผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด และส่งเสริมการฝึกอาชีพให้แก่ผู้ผ่านการบำบัด
การสังคมสงเคราะห์
องค์การบริหารส่วนตำบลป่าเวได้ดำเนินการด้านสงคมสังเคราะห์ ดังนี้
๑. ดำเนินการจ่ายเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยเอดส์
๒. รับลงทะเบียนและประสานโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด
๓. ประสานการทำบัตรผู้พิการ
๔. รวบรวมข้อมูลผู้ยากจน ยากไร้ รายได้น้อย และผู้ด้อยโอกาสไร้ที่พึ่ง เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือต่อไป
ระบบบริการพื้นฐาน
5.1 การคมนาคมขนส่ง
สถานีรถไฟ จำนวน 1 แห่ง
ทางหลวงแผ่นดิน จำนวน 1 สาย
ทางหลวงจังหวัด จำนวน 4 สาย
ถนนหมู่บ้าน จำนวน 67 สาย
โทรศัพท์
ประชาชนส่วนใหญ่ในตำบลป่าเวใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ และโทรศัพท์บ้านในการติดต่อสื่อสาร
ไปรษณีย์หรือการสื่อสารหรือการขนส่ง และวัสดุ ครุภัณฑ์
ในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลป่าเว มีไปรษณีย์เอกชน จำนวน 2 แห่ง ให้บริการ เวลา ๐๘.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ในวันจันทร์ – เสาร์ (วันเสาร์ครึ่งวัน) หยุดวันอาทิตย์
การบริการ
-ปั้มน้ำมันและก๊าซ จำนวน 3 แห่ง
-ร้านอาหาร จำนวน 6 แห่ง
-อู่ซ่อมรถ จำนวน 4 แห่ง
-ห้องพัก/รีสอร์ท จำนวน 4 แห่ง
-นวดแผนไทย จำนวน 1 แห่ง
การท่องเที่ยว
พื้นที่ตำบลป่าเว มีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ได้แก่
- วัดเววน ม.1 ต.ป่าเว
- วัดเดิมเจ้า ม.5 ต.ป่าเว
- แหล่งเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ม.6 ต.ป่าเว
6.6 อุตสาหกรรม
- โรงงานอุตสาหกรรม จำนวน 4 แห่ง
6.7 การพาณิชย์และกลุ่มอาชีพ
การพาณิชย์
- ปั้มน้ำมันและก๊าซ จำนวน 3 แห่ง
- โรงสี จำนวน 2 แห่ง
- รีสอร์ท จำนวน 4 แห่ง
กลุ่มอาชีพ
-กลุ่มเลี้ยงวัว หมู่ที่ 3
-กลุ่มเลี้ยงปลา หมู่ที่ 4
-กลุ่มปาล์มน้ำมัน หมู่ที่ 4
-กลุ่มเพาะเห็ดฟาง หมู่ที่ 6
แรงงาน
จำนวนประชากรในวัยทำงานของตำบลป่าเว ประกอบอาชีพ
- อาชีพเกษตรกรรม – ทำนา คิดเป็น 1.18 %
- อาชีพเกษตรกรรม – ทำไร่ คิดเป็น 0.03 %
- อาชีพเกษตรกรรม – ทำสวน คิดเป็น 52.43 %
- อาชีพเกษตรกรรม – ประมง คิดเป็น 0.03 %
- อาชีพเกษตรกรรม – ปศุสัตว์ คิดเป็น 0.03 %
- อาชีพรับราชการ คิดเป็น 3.94 %
- อาชีพพนักงานรัฐวิสาหกิจ คิดเป็น 0.18 %
- อาชีพพนักงานบริษัท คิดเป็น 1.00 %
- อาชีพรับจ้างทั่วไป คิดเป็น 1.00 %
- อาชีพค้าขาย คิดเป็น 3.34 %
- อาชีพธุรกิจส่วนตัว คิดเป็น 2.26%
- อาชีพอื่น ๆ คิดเป็น 1.05%
- กำลังศึกษา คิดเป็น 22.87%
- ไม่มีอาชีพ คิดเป็น 7.05%
ศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม
การนับถือศาสนา
นับถือศาสนาพุทธ คิดเป็นร้อยละ 99.60
นับถือศาสนาอิสลาม คิดเป็นร้อยละ 0.33
นับถือศาสนาคริสต์ คิดเป็นร้อยละ 0.08
ประเพณีและงานประจำปี
ประเพณีสวดทุ่ง
กิจกรรม ประเพณีสวดทุ่ง เป็นประเพณีเก่าแก่ของอำเภอไชยาที่ถือปฏิบัติกันมาแต่โบราณสะท้อนให้เห็นความเชื่อของชาวบ้านเกี่ยวกับภูตผีปีศาจ เสนียดจัญไรต่าง ๆ ในปัจจุบันประเพณีนี้ยังถือปฏิบัติกันอยู่ในหมู่ของชาวบ้านในบางพื้นที่ของอำเภอไชยา
การสวดทุ่งจัดขึ้นเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชาวบ้านและหมู่บ้าน เพื่อขับไล่เสนียดจัญไรภูตผี ปีศาจ ไข้ห่า และ ความชั่วร้ายทั้งปวง นอกเหนือจากนี้เป็นการทำบุญรวมของหมู่บ้าน เพื่อเป็นการพบปะสังสรรค์ อันก่อให้เกิดความสามัคคี ซึ่งเป็นผลดีต่อการประกอบกิจการงานทั้งปวง ประเพณีจะจัดขึ้นในเดือน 6 บางหมู่บ้านจะทำในเดือน 5 หรือเดือน 7 ก็มี สถานที่จัดมักเป็นสถานที่เขตกลาง ไปมาหาสู่สะดวกมีบ่อน้ำกินน้ำใช้ ท้องนาใดมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ก็มักจะใช้สถานที่นั้น
ประเพณีเริ่มขึ้น โดยในตอนเย็นของงานวันแรกจะนิมนต์พระสงฆ์ไปสวดมนต์เย็นกลางทุ่งนาหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ตกลงกันไว้หลังจากสวดเสร็จในตอนค่ำจะจัดให้มีมหรสพเพื่อสมโภช เช่น หนังตลุง มโนราห์ เพลงบอก กลองยาว ภาพยนตร์ ฯลฯ มหรสพต่าง ๆ มักแสดงกันจนสว่าง ในวันรุ่งขึ้นชาวบ้านจะนิมนต์พระสงฆ์มาสวดและฉันภัตตาหารเช้า โดยชาวบ้านจะนำอาหารคาว อาหารหวานมาถวาย หลังจากพระสงฆ์ฉันเสร็จแล้ว ชาวบ้านจะร่วมกันรับประทานอาหาร ก็เป็นอันเสร็จงาน
ประเพณีทำบุญเดือนสิบ
ประเพณีนี้เป็นประเพณีเก่าแก่ ของภาคใต้ทาเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ ล่วงลับไปแล้วเฉพาะที่อําเภอไชยาได้ถือ อย่างเคร่งครัดมาโดยตลอดเพราะถือว่า เป็นประเพณีที่แสดงออกถึงความกตัญญูอย่างสูงยิ่งต่อบรรพบุรุษ ปัจจุบันบางคนเรียกวันนี้ว่า “วันกตัญญู” วันรับตายาย ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 วันนี้เชื่อว่า เป็นวันที่พญายมปล่อยเปรตขึ้นมาจากนรกชาวบ้านจะจัดสํารับคาวหวาน ดอกไม้ธูปเทียนไปกราบพระที่วัด ส่วนวันส่งตายายตรงกับวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 ถือเป็นวันที่เปรตจะต้องกลับไปสู่นรกตามเดิม จึงต้องจัดเตรียมเครื่องคาว 16 หวานไปทําบุญอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ตายายหรือเปรตนํากลับไปใช้นั่นเองวันส่งตายายจะมีการทํา “หนมตายาย” ได้แก่ขนมลา ขนมกรุบ ยาหนม กระยาสารท ขนมพอง ขนมบ้า ขนมไข่ปลา และผลไม้เป็นต้น ขนมดังกล่าวชาวบ้านจะจัดใสกระเชอนําไปถวายพระที่วัด หลังจากที่ถวายพระแล้วชาวบ้านจะนําอาหารและขนมส่วนหนึ่งไปวางตามสถานที่ต่างๆ ภายในวัด เช่นประตูวัด โคน ต้นไม้ริมกําแพง เพื่อให้เปรตหรือตายายไม่มีญาติมารับอาหารเหล่านี้เรียกว่า “ตั้งเปรต” หรือ อาจจะนําไปวางที่หลาเปรต” ซึ่งสร้างยกพื้นขึ้นมาหลังจากกระทําพิธีสงฆ์เสร็จแล้ว ชาวบ้านจะเข้าไปแย่งของจาก “เปรต” กันอย่างสนุกสนาน เรียกว่า “ชิงเปรต” ในท้องที่อําเภอไชยาอาหารอย่างหนึ่งที่ทุกครัวเรือนต้องทําไปถวายพระ และวางให้เปรต ด้วยคือ “น้ำพริกผักจุ้ม” ด้วยปู่ ย่า ตา ยายสั่งสอนต่อๆ กันมาว่าต้องทําบุญให้แก่ตายายโดยมีสิ่งนี้ด้วยเพราะเป็นสิ่งที่ตายายชอบหลังจากทําบุญในตอนเช้าเสร็จแล้วก็จะมีการบังสกุลบรรพบุรุษ แต่บางแห่งทันในตอนเย็น หลังจากนั้นก็เป็นเสร็จพิธีประเพณีรับส่งตายายนอกจากทําเพื่อจุดประสงฆ์ ดังกล่าวแล้วยังเป็นการรวมญาติอีกด้วยคือทำให้ญาติพี่น้องได้พบปะสมาคมกัน เพราะทุกคนไม่ว่าจะไปอยู่ ณ ที่ใด ต้องเดินทางกลับไปยังบ้านของบิดามารดาเพื่อร่วมพิธีดังกล่าว
ประเพณีรดน้ำขอพรผู้สูงอายุ
วันสงกรานต์ของอําเภอไชยา แตกต่างจากที่ปฏิบัติ กันอยู่ในถิ่นอื่นบ้าง โดยถือว่าช่วงสงกรานต์คือวันที่ 13-15 เมษายน วันที่ 13 เป็นวัน มหาสงกรานต์วันที่ 14 เป็นวันว่าง และวันที่ 15 เป็นวันเถลิง ศก ชาวไชยาถือว่าทั้งสามวันนี้คือ วันที่เทวดาไม่อยู่รักษา ใครจะทํางานอาชีพไม่ได้จะเกิดอุบัติเหตุ หรือเป็นไปต่างๆ นานา สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ จะถูกเก็บไว้มิให้นำมาใช้เป็นการชั่วคราว
ประชาชนส่วนใหญ่จะจัดเตรียมอาหารคาวหวานไปทําบุญที่วัดใกล้บ้านในตอนเช้าของวันสงกรานต์หลังจาก ทําบุญที่วัดเสร็จแล้วชาวบ้านจะนําอาหาร เครื่องบูชาและเครื่องใช้บางอย่างไปมอบให้ผู้อาวุโส โดย 13 ถือโอกาสรดน้ำเพื่อแสดงออกซึ่งความเคารพนับถือ ความกตัญญูกตเวทีบางแห่งจะทําพิธีรดน้ำผู้อาวุโสอย่างใหญ่โต โดยแต่ละหมู่บ้านจะเชิญผู้อาวุโสทุกคนมาร่วมพิธีเมื่อรดน้ำผู้อาวุโสเสร็จแล้ว ชาวบ้านจะพากันมาชุมนม เพื่อความสนุกสนานรื่นเริงมีการเล่นต่างๆ เช่น สะบ้า ชักเย่อแข่งขันการชักลากไม้จากป่าเข้าวัด เป็นต้น ในเวลากลางคืนมีมหรสพต่างๆ มาแสดง เช่น หนังตะลุง มโนห์รา และเพลงบอกสําหรับเพลงบอก แม่เพลงและลูกคู่จะเดินกันเป็นกลุ่มไปตามบ้านต่างๆ แล้วขับ เพลงบอก เพื่อการบอกถึงการเปลี่ยนศักราชใหม่ ชาวบ้านจะออกมาต้อนรับโดยมอบ ขนม สิ่งของ และบางทีก็เป็นสุราให้แก่ผู้ขับเพลงบอก ส่วนหนังตะลุงมโนห์ราจะแสดงตลอดคืน และในตอนรุ่งเช้ามักจะจัดให้มีการชนวัวควายด้วย ปัจจุบันประเพณีสงกรานต์ของอําเภอไชยาเสื่อมความนิยมลงไปเป็นอันมาก ความเชื่อและการปฏิบัติบางอย่างลดน้อยลงไป แต่อย่างไรก็ ตามสิ่งหนึ่งที่ยังปฏิบัติกันมิได้ขาดคือเมื่อถึงวันนี้จะมีการรดน้ำและมอบสิ่งของให้แก่คนเฒ่าคนแก่
ประเพณีลากพระ
ลากพระ เป็นศัพท์ของชาวปักษ์ใต้ลากพระคือ การแห่พระนั่นเอง ตามความหมายของศัพท์ หมายถึงพิธีบุญที่มีการแห่พระพุทธรูปออกจากวัดไปบําเพ็ญกุศลแล้วแห่กลับวัด วันที่มีการลากพระคือ แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ของ ทุกปีเป็นวันที่พระสงฆ์ออกพรรษา หรือที่เรียกว่าวันปวารณา ทั้งนี้โดย นิยมเอาตามเรื่องราวที่ปรากฏในเทโวโรหสูตรว่า ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 นั้น
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จลงจากชั้นดาวดึงส์สู่โลกมนุษย์ภายหลังที่พระองค์ทรงจําพรรษาอยู่บนชั้น ดาวดึงส์หนึ่งพรรษา เพื่อเทศนาโปรดสมเด็จพุทธมารดา เมื่อถึงวันออกพรรษา เราจึงได้เห็นพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศไปวัดเพื่อบําเพ็ญกุศล ในภาคอื่นๆ ส่วนใหญ่มีการตักบาตร แต่สําหรับปักษ์ใต้นอกจากมีการทําบุญตักบาตรแล้ว ยังมีการลากพระ (แห่พระ) อีกด้วย ส่วนชาวบ้านทั่วไปก่อนวันลากพระหนึ่งวันจะเตรียมอาหารสําหรับถวายพระสําหรับขนมที่ ขาดไม่ได้ข้าวต้มใบพ้อซึ่งทําเป็นรูปสามเหลี่ยมรีทุกๆ บ้านจะต้องทําขนมชนิดนี้เหมือนกันหมดส่วนขนมอื่นๆ มีบ้างแต่น้อยมาก นอกจากจะต้องจัดเตรียมอาหารแล้วต้องจัดหาเสื้อผ้าไว้แต่ง ประกวดประชันกันในวันลากพระด้วย ในตอนเช้าตรู่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ชาวบ้านจะรีบไปวัด เพื่อตักบาตรหน้าพระลากซึ่งอัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนบุษบก สําหรับเรือพระทางน้ำทางวัดมัก กําหนดให้เรือพระทั้งหมดไปประชุมกัน ณ ที่ใดที่หนึ่ง เพื่อให้ชาวบ้านไปตักบาตร บางแห่งอาจจะทําเป็นศาลาไว้ริมน้ำสําหรับวางบาตรเรียกว่า “หลาบาตร” หลังจากนั้นพระก็จะฉันภัตตาหารเช้า การลากพระออกจากวัดไปยังที่ชุมนุมเรือพระ จะเริ่มเมื่อพระฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว แต่เดิม การลากพระเป็นการลากอย่างแท้จริงโดยเฉพาะเรือบกไม่มีรถยนต์ทําเป็นลําเรือพระอย่าง เดี๋ยวนี้เมื่อเรือพระผ่านหมู่บ้านใด ประชาชนจะนําอาหารมาถวายกลาที่ชุมนมเรือพระ ตอนใกล้เที่ยงประชาชนจะถวายภัตตาหารเพลแก่พระสงฆ์หลงจากนั้นชาวเมืองจะสนุกสนานกับการละเล่นต่างๆบรรดาเรือพระต่างๆ อาจจะลากกลับในวันนั้น หรืออาจจะต้องอยู่ร่วมเพื่อสมโภช 1 คืน แล้วลากกลับประเพณีลากพระเป็นประเพณีอันสําคัญยิ่งของชาวอําเภอไชยาที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่โบราณกาล การปฏิบัติประเพณีนี้แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่ศรัทธาในพุทธศาสนาของชาวไชยาอย่างแท้จริง การดํารงประเพณีนี้ทํากันมาโดยตลอดอาจกล่าวได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในการดํารงไว้ซึ่ง พระพุทธศาสนาในอําเภอไชยานอกจากนี้ประเพณีลากพระได้แสดงให้เห็นถึงความสามัคคีและกําลังกาย ทําให้มีเรือพระและมาร่วมงานลากพระ
ประเพณีซอแรง
ประเพณีซอแรงเป็นประเพณีที่ทํากันมา แต่โบราณ บางแห่งเรียกว่า “ออกปาก” ใน ปัจจุบันประเพณีนี้ยังทํากันอยู่อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในอําเภอ ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตร การซอแรงก็คือการที่ฝ่ายหนึ่งมีงานทําในไร่นา สวนหรือที่บ้านแล้วมี